เรียนเต้นเชียงใหม่

คอร์สเรียน เรียนเต้นเชียงใหม่ ( cover dance , pop , basic, B-boy)  รับสมัครตั้งแต่อายุ 5 ปี ขึ้นไป เรียนได้ทุกวัย เด็ก และผู้ใหญ่ (1 คอร์ส เรียนครั้งละ 1 ชม จำนวน 4 ครั้ง). เน้นตั้งแต่พื้นฐาน การเต้น การใช้ร่างกาย การนับจังหวะ และการเต้นในสไตล์ของตัวเอง 
   การเรียนเต้นเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเราเกิดความสุข ความสนุกสนาน เป็นกิจกรรมที่ผู้คนรู้สึกว่าได้ปลดปล่อยตัวเอง ได้แสดงออกและยังเป็นการออกกำลังกายที่ดีด้วย การเต้นมีมาตั้งแต่ยุคของมนุษย์คู่แรกของโลก เมื่อพวกเขารู้สึกเริงโลดมีความสุขก็เต้นออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ การเต้นนั้นนอกจากสำหรับเทศกาลและโอกาสที่ร่าเริงต่าง ๆ แล้ว การเต้นก็ยังเข้าไปอยู่ในส่วนหนึ่งของพิธีกรรม ประเพณีทั้งเกี่ยวกับศาสนาต่าง ๆ และวัฒนธรรมท้องถิ่นทั่วทั้งโลกด้วย 

บริการให้เช่าห้องซ้อมเต้น โยคะ 
300 บาท/ชั่วโมง

ครูสอนเต้น

พรชนก ผลดี (ครูแจม)

วิชาที่สอน เต้น
– จบการศึกษาปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต หลักสูตร 4 ปี สาขาวิชา นาฎศิลป์ (ปี 2561)

ประเภทของการเต้น 

1.การเต้น B-Boy (Break Dance)

คือคนที่ชื่อชอบวัฒนธรรมฮิปฮอป โดยฉพาะอย่างยิ่ง การเต้นเบรกแดนซ์  เป็นรูปแบบการเต้นที่พัฒนา ในส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฮิปฮอป ในกลุ่มวัยรุ่นคนผิวสีและละตินอเมริกา ในเซาท์บรองซ์ในระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1970 คำว่า บี-บอย มาจากคำว่า เบรกบอย (break boy) ด้วยเหตุผลที่พวกเขาจะเป็นพวกเต้นโดยเฉพาะ โดยจะเต้นทั้งในแนวเพลงฮิปฮอป, ฟังค์ และ แนวเพลงอื่น ๆ ด้วยที่มักเป็นดนตรีรีมิกซ์ ที่คั่นระหว่างเพลงพัก เป็นลักษณะที่คล้ายกายกรรม มีการตีลังกา ใช้หัวหมุน เป็นต้น แต่การเต้นรำประเภทนี้ จะไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวของขาในรูปแบบการเต้นมากนัก ส่วนมาก จะเป็นการฝึกความแข็งแรงของร่างกาย และฝึกกายกรรม แต่การเรียนก็ต้องฝึกความพลิ้วไหวของร่างกายด้วย

2.การเต้น Hip-Hop

        Hiphop เป็นการเต้นตามจังหวะของดนตรี Hip Hop  ซึ่งลักษณะที่สำคัญของดนตรีประเภทนี้จะเป็นการร้อง การพูด การแร็ป (Rap)  ประกอบกับดนตรีอีเล็คโทรนิก และเครื่องเคาะจังหวะประเภทต่างๆ (Percussions)   ซึ่งเป็นเพลงที่มีจังหวะที่เร็วปานกลางถึงเร็วมาก   ดังนั้นท่าทางของการเคลื่อนไหวจึงเป็นการเต้นที่เร็ว  มีการหยุด  การกระตุกของร่างกายในแต่ละส่วน (Isolation) หรือการ locking การย่อขาและโยกตัวตัวขึ้น-ลง (Bouncing) และการกระโดด (Hop) ไปตามจังหวะเพลง โดยผู้เต้นจะเต้นเน้นจังหวะตามจังหวะของกลองและเสียงกีตาร์เบส  มีการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์  และกิริยาอาการต่างๆในชีวิตประจำวันของคนเราแล้วนำมาปรับเปลี่ยนเป็นท่าเต้นท่าต่างๆเพื่อความหลากหลายมากขึ้น  นอกจากนี้แล้วนักเต้น Hip Hop ยังมักนิยมนำเอาการเต้นเบรคแดนซ์ (Break Dance) มาเต้นประกอบการเต้น Hip Hop อีกด้วย

3.การเต้น Poppin และ Lockin

     poppin หรือ popping เป็นการเต้นผสมระหว่าง Funk dance and street dance แต่เป็นการเต้นที่ต้องอาศัยการกระตุกของกล้ามเนื้อ หรือข้อต่ออะไรอวัยวะ ส่วนต่างๆ อาศัยความเร็วเร็วที่ผู้เต้นใช้ในการจัดท่าต่างๆระบบร่างกายให้ลงตัว โดยมีการเต้นมาตั้งแต่ปี 1980 

     Lockin เป็นการเต้นผสมผสานกันระหว่างการเต้นแบบ funk dance และ street dance ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการเต้นแบบ Hip hop อาศัยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเป็นอิสระ ส่วนมากจะเต้นแบบกว้างๆ และ เป็นจังหวะเป็นจังหวะเดียวกันกับดนตรี การแสดงเต้นlockin ส่วนมากจะเน้นแบบตลกขบขันให้ผู้ชมเกิดรอยยิ้ม

4. การเต้น Street Jazz

             เป็นการเต้นที่ ผสมระหว่าง Jazz และ Hip-Hop ท่าทางการเต้นรำจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า JAZZ DANCE มีความทันสมัยมากขึ้น มีกลิ่นของการเต้น Hip-Hop เข้าไปผสม จะเห็นได้จาก มิวสิควีดีโอต่างประเทศ เช่น คริสติน่า อากีเรล่า, บริตนีย์ เสปียร์, Pussycatdolls, Beyonce` ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน ก็สามารถเรียนได้ แต่เริ่มต้นที่ Basic หรือ Beginner 

5. การเต้น Cover Dance   

         การเต้น J-Pop   คือการผสมผสานเทคนิคการเต้น ระหว่าง ฮิปฮอป แจนส์แดนซ์ เบรกแดนซ์ และฟังกี้แนวดนตรีจะคล้ายๆ K-Pop แต่อาจจะแตกต่างกับ K-Pop อยู่พอสมควร ดูจาก K-POP การเต้นของเกาหลี จะดุดันและ แข็งแกร่งมากๆ แต่ J-Pop นั้น ท่าจะออกแนวน่ารัก ที่คนดู หรือ Fanclub สามารถจดจำได้ และเป็นท่าที่พริ้วไหว เหมือนสายน้ำ เพราะ J-Pop นั้น จะเน้นพลังเสียง 

6. การเต้น Pop Dance
             หมายถึง เป็นการเต้นประกอบเพลงประเภทอีเลกโทรนิกแดนซ์ และแนวเพลงย่อยของป็อป ที่เกิดขึ้นหลังยุคดิสโก้ ราวปี 1981 โดยรวมเพลงจังหวะเต้นรำเข้ากับเพลงโครงสร้างเพลงป็อป และ/หรือ อาร์แอนด์บี ย่อยของป็อป เป็นแนวดนตรีที่พัฒนามามาจากดนตรีดิสโก้ ผสมผสานจังหวะ ดนตรี ป็อปและอาร์แอนด์บี การเต้นแนวแดนซ์ป๊อป เป็นการเต้นที่ไม่ตายตัว มีอิสระในท่าทางการเต้น รวมไปถึงดนตรีที่ไม่ได้บังคับอะไรมากมาย เครื่องดนตรีก็จะมีไม่กี่ชนิดเช่น กีตาร์ – กีตาร์เบส – กลอง – ดรัมแมชชีน – เครื่องสังเคราะห์เสียง

7. การเต้นแท็ป หรือ แท็ปแดนซ์ (Tap dance)
             เป็นการเต้นรำชนิดหนึ่งถือกำเนิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในปัจจุบันเป็นที่นิยมทั่วโลก ชื่อของการเต้นรำชนิดนี้เกิดมาจากเสียง “แท็ป แท็ป”จากแผ่นเหล็กภายใต้รองเท้าเต้นสัมผัสกับพื้น การเต้นผู้เต้นจะต้องเคลื่อนไหวเท้าโดยการเคาะเท้าในลักษณะต่างๆเพื่อให้เกิดเสียงและเป็นการสร้างจังหวะต่างๆกันไป ดังนั้นผู้เต้นจึงถือว่าเป็นเสมือนนักดนตรีคนหนึ่งที่สร้างและให้จังหวะด้วยเช่นกัน (Percussive Musician) นักเต้นแท็ปแดนซ์ที่เก่งจะต้องมีความสามารถในการเคาะเท้าให้เร็วและถี่และสามารถทำให้เกิดเสียงที่แตกต่าง และเกิดจังหวะขัด (Syncopation)

8. การเต้น Street Dance

Street Dance เป็นท่าเต้นที่ผสมผสานกับท่าเต้นรูปแบบต่างๆ ในขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น Break dance, popping &, Locking, Hip Hop, และ Jazz Dance โดยเอาท่าทางขั้นพื้นฐานของทั้ง หมดมารวมกันจนออกมาเป็น Street Dance ให้น้องๆ ได้ออกลีลามันๆ กันเต็มที่เคล็ดลับจริงๆ ที่ผู้ฝักใฝ่ในการเต้นแนวนี้พึงต้องมีคือ ต้องเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการออกแบบท่า-ให้แหวกแนว แต่ต้องอยู่ในการยอมรับจากเหล่าหมู่ขาดานซ์ ด้วยกัน เพราะการเต้นแนวนี้ไม่จำกัดเพศสามารถออกลีลามันๆ เต้นได้ทั้งหญิงและชาย ฝ่ายชายจะมีลีลาท่าเต้นที่ดูแล้วออกแข็งแรง ส่วนฝ่ายหญิงจะเน้นที่ความพร้อมเพรียงและดูสวยงามในทีมเต้นของตัวเองลักษณะพิเศษสุดๆจริงๆเลยของการเต้น Street Dance คือ ผู้เต้นสามารถที่จะเอา ท่าทางของกีฬายิมนาสติก มาประยุกต์ใช้กับลีลาการเต้นนี้ได้อย่างไม่เคอะเขิน ยกตัวอย่าง เช่น ท่าตีลังกา ท่ากังหัน ท่าหมุนหลัง และท่าแมงป่อง ซึ่งท่าทางการเต้นเหล่านี้ไม่ถึงขนาดยากจนเกินไปนัก จนเหล่าบรรดาเพื่อนนักเต้นทั้งหลายไม่สามารถฝึกปรือฝีมือกันได้ 

9. การเต้นลีลาศ

           กีฬาลีลาศ (Ballroom Dance) คือ กีฬาชนิดหนึ่งที่เน้นความสวยงามพริ้วไหวของผู้เต้น ตามจังหวะต่าง ๆ โดยถือกำเนิดขึ้นในหมู่ชนชั้นสูงฝั่งตะวันตก ที่นิยมใช้การเต้นรำเป็นกิจกรรมในงานสังคม